ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ คงจะคลายเครียดไปได้เยอะ เพราะอากาศดีไม่มีมลภาวะเป็นพิษ อีกทั้งยังได้ทำหน้าที่หัวหน้าเซลส์แมนภารกิจที่พอจะคุยอวดฝีมือได้
ก็จะใครที่ไหนล่ะ...
“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 นี่แหละ!
เดินทางไปเยือนญี่ปุ่นพร้อมรัฐมนตรีและนักธุรกิจเพื่อร่วมประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น และพบปะนักธุรกิจชั้นนำของที่นั่น
5 วันคงต่างจากเมืองไทยเยอะไม่ต้องเจอคำถามนักข่าวว่าด้วยประเด็นการเมืองเรื่องยุ่งๆที่ไม่ค่อยสันทัดชวนให้ปวดหัว
เสร็จภารกิจกลับถึงไทย 18 ธ.ค.66 คงได้ติดมือกลับมาไม่น้อย เพราะได้คุยกับเจ้าของธุรกิจรถยนต์ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยหลายยี่ห้อ
วันนี้ญี่ปุ่นไม่ใช่เบอร์ 1 เรื่องรถยนต์แล้ว เพราะจีนมียอดส่งออกรถยนต์อีวี (ไฟฟ้า) แซงหน้าไปแล้ว
ที่สำคัญเข้ามาลงทุนในไทยด้วย
นี่แหละคือจุดที่ญี่ปุ่นต้องเร่งจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะสายไปกว่านี้ โดยเฉพาะ การเข้ามาลงทุนในไทยซึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างดี
คือการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นไฟฟ้า (พลังงานสะอาด) ซึ่งทั่วโลกกำลังตื่นตัวและมุ่งพัฒนาอย่างเอาการเอางาน
งานนี้นายกรัฐมนตรีคงได้อะไรติดไม้ ติดมือกลับมาแน่
พร้อมกับการเผชิญกับปัญหาการเมือง ที่ตั้งแท่นรออยู่แล้ว โดยเฉพาะในสภาฯกำลังรอคิวผู้นำประเทศอยู่
โดยเฉพาะประเด็นที่กำลังฮอตว่าด้วยชายบนชั้น 14
ก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร” เจ้าของ “เพื่อไทย” ตัวจริงเสียงจริง
แม้จะกลับเข้ามาเมืองไทยได้อย่างปลอดโปร่ง แต่ยังติดขัดตรงที่ยังต้องเป็น “นักโทษ” แม้จะไม่ถูกจองจำในคุก
แต่ก็ไม่ต่างจากคุกเพราะยังไร้อิสรภาพ ทำอะไรไม่ได้อย่างที่ต้องการ เบื้องต้นไม่ต้องนอนในเรือนจำนับแต่วันแรก เพราะมีกลเกมเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย
จึงระเห็จไปนอนที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจแทน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็นานพอสมควร โดยมีปมประเด็นที่ถูกมองว่าใช้ความเป็น “อภิสิทธิ์ชน” คอยติดตามไล่ล่ามาตลอด
แต่เนื่องจากมี “อำนาจรัฐ” ในมือจึงใช้กลอุบายผ่านทางระบบราชการ คอยช่วยเหลือด้วยข้ออ้างทางระเบียบและกฎหมายต่างๆ
จนกระทั่งล่าสุดกรมราชทัณฑ์ได้ออกระเบียบใหม่ว่าด้วยการติดคุกที่ “บ้าน” ได้ หากมีคุณสมบัติตามที่กำหนด
ก็เลยเป็นเรื่องขึ้นมาทันที!!
เป็นเรื่องที่เจอแรงกดดันมากที่สุด ถึงขั้นพูดกันว่า ถ้า “จุดติด” จะเกิดกระแสต่อต้านบานปลายกระทบต่อรัฐบาลแน่
ประเด็นคือ “อำนาจเหนือ” ระบบยุติธรรม
ถึงขั้นลูกสาวต้องออกมาบอกสังคมว่า “คนเป็นลูกก็อยากให้พ่อออกมาเร็วๆ คุณพ่อได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ อย่างมากมาย ขอให้ท่านมีกำลังใจออกมาอย่างแข็งแรง”
นี่เป็นคำร้องขอให้กรมราชทัณฑ์นำประเด็นนี้ไปพิจารณาด้วย
ว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินได้ฟัง “อุ๊งอิ๊ง” พูดลึกในรายละเอียดอย่างนี้มาก่อน แสดงว่านี่เป็นประเด็นที่เป็นช่องทางที่ชัดเจนที่สุด
พูดตรงๆก็คือไม่ต้องการรอแล้ว อยากให้จบๆไปตรงนี้เลย
ด้วยปูมประเด็นที่เกิดขึ้น ทำให้การเมืองร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
อยู่ที่ว่า “เพื่อไทย” จะแก้เกมอย่างไร เพื่อให้ผ่านฉากทัศน์นี้ไปให้ได้!