“ดร.ปกรณ์ เพ็ชรประยูร” โฆษกและผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมภูมิสารสนเทศ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กล่าวว่า ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในฤดูหนาวปีนี้คาดว่ามีสถานการณ์รุนแรงมากกว่าปีที่แล้ว แม้ปีนี้ไทยเกิดปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีฝนมากกว่าปกติ แต่ตอนนี้สัญญาณดังกล่าวลดลง ทำให้ฝุ่นกลับมาแพร่กระจายมากตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม-เมษายนปีหน้า
เพราะหลายพื้นที่ขณะนี้มีฝุ่น PM 2.5 มากขึ้นในช่วงเช้า เนื่องจากสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้ไม่ค่อยมีลมที่ช่วยในการถ่ายเทและพัดพาฝุ่นให้กระจายตัวไปสู่ชั้นบรรยากาศด้านบน โดยเฉพาะช่วงเช้ามืดที่มีสภาพอากาศผกผันสูง เพราะอุณหภูมิในชั้นพื้นผิวดินมีความเย็นกว่าชั้นบรรยากาศด้านบน ประกอบกับช่วงเช้ามืดมีมวลอากาศเย็นจากจีนพัดเข้ามาในช่วงรอยต่อของชั้นบรรยากาศ ทำให้ฝุ่นที่ลอยขึ้นไปสู่ชั้นบนถูกมวลอากาศเย็นจากจีนตีกลับลงมา ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในพื้นผิวด้านล่างที่มนุษย์อาศัยอยู่หนาแน่น
สภาวะอากาศช่วงฤดูหนาวของไทย ช่วงเช้ามืดชั้นบรรยากาศด้านบนจะเหมือนกับมีโดมครอบอยู่ ทำให้ฝุ่นไม่สามารถระบายไปสู่ชั้นบรรยากาศภายนอกได้ ซึ่งต้องรอถึงช่วงสายๆ ที่มีแสงแดดส่องมายังพื้นผิวโลกด้านล่าง ทำให้อุณภูมิร้อนขึ้น จนฝุ่นสามารถลอยตัวไปยังบรรยากาศชั้นบนที่มีความเย็นกว่าพื้นโลกได้
“จากข้อมูลที่รวบรวมเก็บไว้ย้อนหลัง 5 ปี พบว่าวงจรของมลพิษฝุ่นจะเริ่มมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม โดยพื้นที่ภาคกลางได้รับผลกระทบรุนแรงช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธุ์ พอถึงช่วงมีนาคม-เมษายน ฝุ่นพิษจะมีมากทางภาคเหนือและอีสานตอนบน วงจรของฝุ่นเป็นแบบนี้ทุกปี แต่จะรุนแรงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชื้นในอากาศและปริมาณฝน”
สำหรับการคาดการณ์จากภาพถ่ายดาวเทียมคาดว่าปีนี้ จะมีพื้นที่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นพิษหนักคือ กรุงเทพฯ ชลบุรี ปทุมธานี อยุธยา สุพรรณบุรี นครนายก สระบุรี ลำปาง พะเยา น่าน เชียงใหม่ และเชียงราย
แนะนำการรับมือฝุ่น PM 2.5
“ดร.ปกรณ์” กล่าวว่า แนวทางป้องกันจากฝุ่น PM 2.5 ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเช้าและค่ำ เนื่องจากสภาพอากาศปิดทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะในโรงเรียนควรสลับคาบเรียนวิชาพละที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งช่วงเช้ามาเป็นช่วงบ่ายแทน
ขณะเดียวกันช่วงที่มีฝุ่นมากเช่น กรุงเทพฯ หน่วยงานรัฐต้องประกาศเตือนล่วงหน้า เพื่อให้คนที่ต้องออกมาทำงานนอกบ้าน หันมาทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ให้มากขึ้น เพื่อลดการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ ขณะเดียวกันก็ลดปริมาณฝุ่นควันจากการทำกิจกรรมเช่น ควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์รถ
“ฝุ่น PM 2.5 จะมีมากในช่วงเช้าและค่ำ ดังนั้นไม่ควรเปิดหน้าต่างหรือประตูบ้านไว้ช่วงเวลาดังกล่าว เพราะจะทำให้ฝุ่นพัดเข้ามาภายในบ้าน ส่งผลร้ายต่อระบบทางเดินหายใจของคนในบ้านได้”
ส่วนคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง หากรู้สึกระคายเคืองตาและผิวหนัง ควรหลบเข้ามาภายในอาคาร หรือล้างด้วยน้ำสะอาด เพื่อป้องกันการระคายเคือง ทั้งนี้ สามารถสังเกตเห็นสภาพอากาศที่มีผลกระทบจากฝุ่นได้ด้วยตาเปล่า เพราะถ้าเห็นท้องฟ้าขมุกขมัว โดยที่ไม่มีลมพัด ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อนาคตของไทยคาดว่าจะเริ่มเบาบางลง เนื่องจากกิจกรรมที่เป็นจุดกำเนิดของฝุ่น เช่น การเผาไหม้ของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันจะลดลง เพราะรัฐเริ่มส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดฝุ่นน้อย ขณะเดียวกัน คนทั่วไปเริ่มตระหนักถึงมลพิษของฝุ่นมากขึ้น จึงหาความรู้และวิธีการป้องกันอย่างเหมาะสมกับการใช้ชีวิตของตัวเอง.
{Fullwidth}